ข้อมูลจำเพาะ ของ ไอโฟน 6

ฮาร์ดแวร์

การออกแบบของ iPhone 6 ได้รับอิทธิพลจาก iPad Air ที่มีกระจกด้านหน้าโค้งรอบขอบจอแสดงผลและด้านหลังเป็นอะลูมิเนียมที่มีสองแถบพลาสติกสำหรับเสาอากาศ[23] ทั้งสองรุ่นมาในรูปของทอง เงิน และ "พื้นที่สีเทา" iPhone 6 และ iPhone 6 Plus บางกว่า iPhone 5S และ iPhone 5C โดยที่ iPhone 6 เป็นโทรศัพท์ที่บางที่สุดของแอปเปิ้ลในวันนี้ การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดของสายพันธ์ iPhone 6 อยู่ที่จอแสดงผลของมันเป็นแบบ "Retina HD Display" และ "แกร่งด้วยไอออน" จอแสดงผลของ iPhone 6 ขนาด 4.7 นิ้วในอัตราส่วนความสูงต่อความกว้างที่ 16:9 ความละเอียด 1334x750 (326 PPI ลบหนึ่งแถวพิกเซล) ในขณะที่ iPhone 6 พลัสมีจอแสดงผล 1920x1080 ขนาด 5.5 นิ้ว (1080p) (401 PPI) จอแสดงผลใช้แผง LCD แบบหลายโดเมน (อังกฤษ: multiple-domain LCD panel) ที่เรียกว่า "พิกเซลที่ประชันหลายโดเมน" (อังกฤษ: dual-domain pixels) นั่นคือ พิกเซล RGB เองจะโย้ในรูปแบบที่ให้ทุกพิกเซลสามารถเห็นได้จากหลายมุมที่แตกต่างกัน เทคนิคนี้จะช่วยเพิ่มมุมในการมองของจอแสดงผล[24]

เพื่อรองรับขนาดทางกายภาพขนาดใหญ่ของสายพันธ์ iPhone 6 ปุ่มเปิดปิดเครื่องถูกย้ายไปอยู่ด้านข้างของตัวเครื่องแทนที่จะอยู่ด้านบนเพื่อปรับปรุงการเข้าถึงของตัวมัน[11][12] iPhone 6 ใช้แบตเตอรี่แบบ 1,810 mAh ในขณะที่ iPhone 6 พลัสมีแบตเตอรี่แบบ 2,915 mAh ที่แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้านี้อีกอย่างคือกล้องหลังไม่ได้เรียบราบไปกับด้านหลังของอุปกรณ์และมี "รอยนูน" เล็กน้อยรอบเลนซ์ มันใช้ชิปประมวลผลแบบ dual-core 1.4 GHz ไซโคลน (ARM v8-based)[25]

ทั้งสองรุ่นใช้ระบบบนชิปรุ่นแอปเปิ้ล A8 (อังกฤษ: Apple A8 system-on-chip) และชิปประมวลผลร่วมเพื่อการเคลื่อนไหวรุ่นแอปเปิ้ล M8 (อังกฤษ: Apple M8 motion co-processor) ซึ่งเป็นรุ่นอัปเดตของของชิปแอปเปิ้ล M7 จาก iPhone 5S

ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างชิปประมวลผลร่วม M8 และ M7 เดิม​​คือ M8 ได้รวมบารอมิเตอร์ซึ่งเป็นตัววัดการเปลี่ยนแปลงระดับความสูงอีกด้วย นายฟิล ชิลเลอร์กล่าวว่าชิป A8 จะเพิ่มประสิทธิภาพของ CPU (เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น 5 S) อีก 25% และเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานกราฟิกอีก 50% และปล่อยความร้อนออกน้อย ในรายงานช่วงต้นชี้ว่าประสิทธิภาพของกราฟิก (อังกฤษ: Graphic Processing Unit (GPU)) ของรุ่น A8 อาจจะหนีออกไปจากรุ่นก่อนหน้านี้สองเท่าของผลการดำเนินงานในแต่ละรุ่นเป็นประจำทุกปี โดยทำคะแนน 21204.26 ใน Basemark X เมื่อเทียบกับ 20253.80, 10973.36 และ 5034.75 เมื่อเทียบกับ 5S, 5 และ 4S ตามลำดับ[26]

ทางด้านการสนับสนุนการส่อสารแบบ LTE มีการขยายมากขึ้นบนสายพันธ์ iPhone 6 ด้วยการสนับสนุนมากกว่า 20 แบนด์ของ LTE (7 แบนด์มากกว่า iPhone 5S)[27] ความเร็วในการดาวน์โหลดทำได้ถึง 150 Mbit/s และสนับสนุน VoLTE. ประสิทธิภาพการทำงานของ Wi-Fi ได้รับการปรับปรุงด้วยการสนับสนุนข้อกำหนด 802.11ac ที่ให้ความเร็วสูงสุดถึง 433 Mbit/s ซึ่งจะเร็วกว่าถึง 3 เท่าของ 802.11n[27] มาพร้อมกับการสนับสนุนการโทรแบบ Wi-Fi (อังกฤษ: Wi-Fi Calling) ถ้ามีการให้บริการ

สายพันธ์ iPhone 6 เพิ่มการสนับสนุนสำหรับการสื่อสารที่อยู่ใกล้สนาม (อังกฤษ: near-field communications (NFC)) ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นการเฉพาะสำหรับแอปเปิ้ลเปย์ซึ่งเป็นระบบการชำระเงินบนมือถือแบบใหม่ที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดเก็บบัตรเครดิตของตัวเองไว้ในแอพสมุดบัญชีเงินฝากเพื่อใช้ชำระเงินแบบออนไลน์และการซื้อค้าปลีกด้วย NFC[28] การสนับสนุนการใช้งาน NFC จะถูกจำกัดเฉพาะกับแอปเปิ้ลเปย์เท่านั้นและไม่สามารถใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆได้ (เช่นการแบ่งปันเนื้อหากับผู้ใช้ iPhone อื่น ๆ)[29]

ขณะที่ยังคงอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซล กล้องหลังของ iPhone 6 ยังรวมเซ็นเซอร์จับภาพแบบใหม่ที่(เหมือนอย่างกล้องใน iPhone 5S) มีพิกเซลขนาด 1.5 ไมครอน มีเลนส์รูรับแสงแบบ f/2.2 และมีความสามารถในการถ่ายวิดีโอขนาด 1080p ได้ทั้งแบบ 30 หรือ 60 เฟรมต่อวินาที กล้องยังรวมถึงออโต้โฟกัสแบบการตรวจสอบด้วยเฟส (อังกฤษ: phase detection autofocus)[30] นอกจากนี้กล้องยังสามารถบันทึกวิดีโอแบบภาพช้าที่ทั้ง 120 หรือ 240 เฟรมต่อวินาที กล้องของ iPhone 6 Plus เกือบทำงานได้เหมือนกัน แต่ยังรวมถึงเสถียรภาพภาพแสง (อังกฤษ: optical image stabilization) อีกด้วย[11][12] กล้องหน้าได้รับการปรับปรุงด้วยเซ็นเซอร์แบบใหม่และรูรับแสงแบบ f/2.2 พร้อมด้วยการสนับสนุนสำหรับโหมดการระเบิดและ HDR[11][12]

ซอฟต์แวร์

ดูเพิ่มเติม: iOS 8 และประวัติของ iOS

สายพันธ์ iPhone 6 จัดส่ง iOS 8 ใส่มาในเครื่องเลย ในขณะที่ iPhone 5S ส่งมากับ iOS 7 ที่มาในเครื่องเลยเช่นกัน แอปพลิเคชันจะสามารถใช้ประโยชน์จากขนาดหน้าจอที่เพิ่มขึ้นใน iPhone 6 และ 6 Plus เพื่อแสดงข้อมูลเพิ่มเติมบนจอ ตัวอย่างเช่นแอพจดหมายจะใช้รูปแบบ หน้าต่างสองหน้าซ้อนกันคล้ายกับของ iPad เมื่ออุปกรณ์อยู่ในโหมดแนวนอนบน iPhone 6 พลัส เมื่อมันใช้อัตราส่วนลักษณะ (อังกฤษ: aspect ratio) เหมือนกัน แอปพลิเคชันที่ออกแบบมาสำหรับ iPhone 5, 5C และ 5S สามารถเพิ่มขนาดเพื่อใช้งานบน iPhone 6 และ 6 พลัสได้ เพื่อปรับปรุงการใช้งานของอุปกรณ์ที่มีหน้าจอขนาดใหญ่และมี "ความสามารถในการเข้าถึง"เพิ่มเติม การสัมผัสปุ่ม Home สองครั้งจะเลื่อนครึ่งบนของเนื้อหาของหน้าจอลงไปครึ่งล่างของหน้าจอ ฟังก์ชันนี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถไปที่ปุ่มต่างๆที่ตั้งอยู่ใกล้ด้านบนของหน้าจอเช่นปุ่ม "ย้อนกลับ" ในมุมบนด้านซ้าย[11][12]

ปัญหาทางเทคนิค

iPhone 6 และ 6 พลัสได้รับผลกระทบจากปัญหาหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับฮาร์ดแวร์ที่โดดเด่นดังต่อไปนี้:

ตัวเครื่องงอ

ไม่นานหลังจากที่ปล่อยออกสู่ตลาด ก็มีรายงานว่าตัวเครื่องของ iPhone 6 พลัสมีความเสี่ยงต่อการคดงอหากถูกกดทับเช่นเมื่อถูกเก็บไว้ในกระเป๋าคับ ๆ ของผู้ใช้ ในขณะที่ปัญหาดังกล่าวจะไม่ได้จำกัดอยู่แต่เฉพาะกับ iPhone 6 พลัสเท่านั้น ข้อบกพร่องการออกแบบได้เป็นที่รู้จักในหมู่ผู้ใช้สื่อสังคมว่าเป็น "bendgate."[31][32] การศึกษาโดย'รายงานผู้บริโภค'พบว่า iPhone 6 และ 6 พลัสทนทานมากกว่า HTC One เล็กน้อย แต่ทนทานน้อยกว่ามากเมื่อเทียบโทรศัพท์อื่น ๆ ที่ผ่านการทดสอบ[33]

แอปเปิ้ลตอบสนองต่อข้อกล่าวหาเรื่องการคดงอของตัวเครื่องโดยระบุว่าบริษัทได้รับข้อร้องเรียนเพียงเก้าเรื่องของอุปกรณ์คดงอและระบุว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการใช้งานปกติเป็นเรื่องที่ "หายากมาก" บริษัทยืนยันว่า iPhone 6 และ 6 พลัสได้ผ่านการทดสอบความทนทานเพื่อให้แน่ใจว่าพวกมันจะทนทานสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน[34] บริษัทได้เสนอที่จะเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือที่คดงอให้ใหม่ถ้ามันถูกทดสอบแล้วว่าการคดงอก็ไม่ได้เกิดขึ้นโดยตั้งใจ[31]

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2014 มีรายงานโดย Axel Telzerowm หัวหน้าบรรณาธิการของนิตยสารเทคโนโลยีของเยอรมันชื่อ Computer Bild ว่าหลังจากการโพสต์วิดีโอที่ผู้ดำเนินรายการสามารถดัด iPhone 6 พลัสให้คดงอได้ ตัวแทนของแอปเปิ้ลเยอรมนีแจ้งต่อสื่อสิ่งพิมพ์ว่าวิดีโอดังกล่าวจะถูกระงับในงานกิจกรรมของแอปเปิ้ลในอนาคตและนิตยสารที่นำเสนอวิดีโอจะไม่ได้รับอุปกรณ์สำหรับการทดสอบได้โดยตรงจากแอปเปิ้ลอีกต่อไป บริษัท Telzerowm ได้โต้ตอบว่า "เราขอแสดงความยินดีกับคุณสำหรับ iPhone รุ่นใหม่ที่ดีของคุณ, แม้ว่าหนึ่งในพวกมันจะมีจุดอ่อนเล็กน้อยกับกรอบใส่ของมัน แต่เราผิดหวังอย่างมากเกี่ยวกับการขาดความเคารพของบริษัทของคุณ"[35]

กัดผม

เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2014 ชุมชนแอปเปิล 9to5Mac โพสต์ข้อความอ้างว่าผู้ใช้ iPhone 6 และ iPhone 6 พลัสบางคนได้บ่นบนเว็บไซต์เครือข่ายสังคมว่าโทรศัพท์ฉีกผมของเขาเมื่อเขาถือโทรศัพท์ใกล้กับหูของเขาเมื่อมีการโทรเข้าหรือโทรออก[36] ข้อบกพร่องการออกแบบที่สองนี้ถูกเรียกว่า "hairgate" ผู้ใช้ทวิตเตอร์อ้างว่าตะเข็บระหว่างหน้าจอแก้วและอะลูมิเนียมด้านหลังของ iPhone 6 เป็นตัวสร้างปัญหาโดยไปจับกับผมที่เข้าไปข้างใน[37][38]

ประสิทธิภาพของ Flash storage

ผู้ใช้บางคนรายงานว่า iPhone 6 รุ่น 64 และ 128 GB และ iPhone 6 พลัสรุ่น 128 GB บางตัวมีประสบกับปัญหาด้านประสิทธิภาพเป็นกรณีที่หายากโดยมีการผิดพลาดและรีบูตแบบสุ่ม 'ธุรกิจเกาหลี'รายงานว่าปัญหาเกี่ยวข้องกับ NAND ที่ใช้เก็บข้อมูลแบบสามระดับ (อังกฤษ: triple-layer cell NAND) ของรุ่นที่ได้รับผลกระทบ เซลล์สามระดับสามารถเก็บข้อมูลได้สามบิตต่อเซลล์แฟลชและมีราคาถูกกว่าเซลล์แบบประชันระดับ (อังกฤษ: dual-layer cell) แต่ต้องสูญเสียความสามารถเป็นการแลกเปลี่ยน มีรายงานว่าแอปเปิ้ลได้วางแผนที่จะเปลี่ยนรูปแบบสายพันธ์ที่ได้รับผลกระทบกลับไปเซลล์แฟลชแบบหลายชั้น (อังกฤษ: multi-level cell) และจะแก้ไขปัญหาประสิทธิภาพการทำงานบนอุปกรณ์ที่มีอยู่ใน iOS ที่จะมีการปรับปรุงในอนาคต[39][40][41]

ปัญหาการป้องกันภาพ Optical สั่นไหว (OIS)

มีรายงานว่าระบบการป้องกันภาพ Optical สั่นไหว (อังกฤษ: Optical image stabilization) ในบางรุ่นของ iPhone 6 Plus ทำงานผิดพลาด มันล้มเหลวในการสร้างความมั่นคงอย่างเหมาะสมในขณะที่โทรศัพท์ถูกถือไว้นิ่งๆอย่างสมบูรณ์ ทำให้เกิดภาพมัวและภาพวิดีโอเป็น "คลื่น"[42] ระบบการป้องกันภาพ Optical สั่นไหวนี้ยังพบว่าจะได้รับผลกระทบจากอุปกรณ์ที่ใช้แม่เหล็กเช่นสิ่งแนบเลนส์ของผู้ผลิตบุคคลที่สาม; แอปเปิ้ลได้ออกคำแนะนำให้กับผู้ใช้และผู้ผลิตอุปกรณ์เสริมที่ได้รับใบอนุญาตของบริษัทโดยเตือนว่าอุปกรณ์แม่เหล็กหรือโลหะอาจทำให้ระบบ OIS ทำงานผิดปกติ[43]

แหล่งที่มา

WikiPedia: ไอโฟน 6 http://9to5mac.com/2014/12/14/accessories-with-mag... http://9to5mac.com/community/my-iphone-6-plus-is-y... http://www.anandtech.com/show/8509/understanding-d... http://www.anandtech.com/show/8562/chipworks-a8 http://www.apple.com/iphone-6 http://www.apple.com/iphone-6/connectivity http://www.apple.com/iphone/ http://arstechnica.com/apple/2012/09/iphone-5-a-li... http://bgr.com/2014/11/04/128gb-iphone-6-plus-cras... http://www.businessinsider.com/apple-replacing-ben...